ครบรอบหนึ่งปี วินาศกรรมเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ และหนึ่งปี ที่คนทั่วโลกหวาดหวั่นกับ 'อัล-ไกดา' และ 'ออสมา บิน ลาเดน' ด้วยเกรงว่า คนกลุ่มนี้ จะกระทำการรุนแรง ในแผ่นดินของตน กิ่งอ้อ เล่าฮง แกะรอยกลุ่มก่อการร้ายอัล-ไกดาในเมืองไทย ว่ามีความเป็นไปได้ไหม ว่าพวกเขาแอบซ่อนอยู่ ณ ที่ใดที่หนึ่ง สามผู้ต้องหาชาวรัสเซีย เชอเรมนีคห์ เฟลิกซ์, มันลิเดียฟ มารัต,และ กูโดยารอฟ เรนัต ซึ่งก่อเหตุอุกอาจบุกปล้นธนาคารกรุงศรีอยุธยา สาขาพัทยาใต้ แล้วพาหลบหนีก่อนจะไปจนมุมเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เมืองปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ แทบจะกลายเป็นโจรกระจอกทันที เมื่อเจ้าหน้าที่สถานทูตรัสเซียออกมายืนยันว่า พวกเขาไม่ใช่อดีต 'เคจีบี' ตกอับตามที่สันนิษฐานไว้ตั้งแต่ต้น และคนเหล่านี้จะต่ำชั้นเช่นกันเมื่อเปรียบเทียบกับชื่อของกลุ่มบุคคลในเครือข่าย 'อัล-ไกดา' ของ ออสมา บิน ลาเดน มหาเศรษฐีนักรบชาวซาอุดีอาระเบียที่กำลังถูกตามล่าอย่างเอาเป็นเอาตายจากหน่วยไล่ล่าของกองทัพอเมริกา หลังโศกนาฏกรรมเครื่องบินวิ่งชนตึกเวิลด์เทรดกลางมหานครนิวยอร์ก ตั้งแต่วันที่ 11 กันยายน 2544 ที่ผ่านมา ล่าสุดแม้สหรัฐอเมริกาจะมีความสามารถในการตรวจค้นข้อมูลทันสมัยและกวาดจับลูกสมุนในเครือข่ายของเขาได้บางส่วน แต่ไม่ได้หมายความว่าความหวาดวิตกต่อเหตุร้ายจะลดลง โดยเฉพาะในทุกๆ เขตแดนที่ถูกกำหนดให้อยู่ในการดูแลของรัฐบาลสหรัฐ โดยไม่ได้มีข้อยกเว้นว่า สถานที่นั้นๆ จะอยู่แห่งใดในโลก ทุกพื้นที่อันตรายเท่ากันหมด ไม่เว้นดินแดนเล็กๆ อย่าง กรุงเทพฯ
จับตาการเคลื่อนไหวกลุ่มคลั่งศาสนา
"หลังเหตุการณ์ 11 กันยาฯ มีกลุ่มวัยรุ่นมุสลิม ในเขตจังหวัดชายแดนภาคใต้ ให้ความนิยม บิน ลาเดน เยอะมาก จุดนี้ทำให้กลุ่มกำลังของ GMIP หรือเบอร์ซาตู เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ประกอบกับตำรวจในพื้นที่ก็สร้างเงื่อนไขมาก ไม่สนใจที่จะแก้ปัญหา ก็เลยหนักหน่อย" แหล่งข่าวด้านความมั่นคงให้ข้อมูล หลังเกิดเหตุสยองในสหรัฐ แม้เขตชายแดนไทย-มาเลเซียจะไม่ใช่เป้าหมายหลักที่กลุ่มอัล-ไกดา เข้ามาเคลื่อนไหวเพื่อก่อเหตุร้าย แต่ต้อง
ยอมรับว่าในฐานะพื้นที่อันเป็นเขตรอยต่อที่พี่น้องชาวมุลสิมทั้งสองประเทศติดต่อกันมาช้านาน ก็อาจมีช่องว่างที่ทำให้บางคนในกลุ่มผู้ก่อการร้ายแฝงเข้ามาหลบภัยได้เช่นกัน "ความจริงก็คือ เครือข่ายเหล่านี้จะถึงกันหมด อย่าง เบอร์ซาตู เป็นองค์กรใหญ่ เขารับเงินสนับสนุนจากต่างประเทศ ส่วนมูจาฮีดีน เป็นนักรบเพื่อพระเจ้า กลุ่มวัยรุ่นที่เข้าร่วมอาจเป็นมุสลิมหัวรุนแรง แต่ก็มีบางคนที่เข้ามาโดยไม่ได้มีอุดมการณ์อะไร ตรงนี้ก็ต้องระวัง" เป็นภาพความเคลื่อนไหวที่ถูกเกาะติดจากหน่วยงานด้านความมั่นคง
ไม่เพียงการเกาะติดสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจากประเทศคู่สงครามกับอเมริกาเท่านั้น แต่การติดตามเครือข่ายอัล-ไกดา ในนามความร่วมมือระหว่างประเทศเพื่อป้องกันการก่อการร้าย ด้วยการทำสนธิสัญญาต่อต้านกลุ่มก่อการร้าย ซึ่งสหรัฐเป็นผู้กำหนดขึ้นมาเฉพาะในเขตเอเชีย อย่าง ฟิลิปปินส์, อินโดนีเซีย, มาเลเซีย รวมทั้งประเทศไทย ยิ่งทำให้มาตรการจับตาการเคลื่อนไหวของกลุ่มคนร้ายที่เป็นชาวมุสลิมยิ่งเข้มงวดมากขึ้น "ที่เขาเน้นพื้นที่จุดดังกล่าว โดยเฉพาะเอสซารา หรือพื้นที่ราบทุกแห่งในเขตอัฟกานิสถาน เป็นแหล่งปลูกยาเสพติดที่มีรสชาติที่ดีที่สุดในโลก ซึ่งมาเฟียอิตาลี และประเทศใกล้เคียงจะเข้ามารับสัมปทานในเขตนี้ ที่นี่ถือเป็นแหล่งเงินสำคัญของใครก็ตามที่เข้ามาคุมบริเวณนี้ได้" ด้วยการตรวจสอบความเคลื่อนไหวของสถานะทางการเงินของคนเหล่านี้ทั่วโลก ซึ่งจริงๆ แล้วเขาทำมาก่อนนั้น และเพื่อความสอดคล้องกับประเทศต่างๆ ด้วย ก็เลยกำหนดกลุ่มก่อการร้ายไว้ทั้งหมด 18 กลุ่ม แล้วขอใช้อำนาจทางกฎหมายของสหประชาชาติ ให้ทำการตรวจสอบรายชื่อและการทำธุรกิจของบุคคลเหล่านี้" แหล่งข่าวด้านความมั่นคง กล่าว และให้ภาพการทำงานหน่วยงานภายใต้การกำกับของสหรัฐ เช่น FBI และ CIA ว่า ก็เปลี่ยนแปลงไปด้วยเช่นเดียวกัน
แตกรังสู่เอเชีย
มาตรการกดดันกลุ่มอัล-ไกดา หลากรูปแบบที่สหรัฐอเมริกานำมาใช้ ทำให้พลพรรคของบิน ลาเดน ต้องแตกกระฉานซ่านเซ็นไปยังสถานที่ต่างๆ โดยเฉพาะในเอเชีย และประเทศไทยก็อยู่ในจำนวนนั้นด้วย แหล่งข่าวด้านความมั่นคงให้ข้อมูลว่า ยุทธการไล่ล่ากลุ่มเครือข่ายอัล-ไกดา อย่างหนักหน่วงของหน่วยงานฝ่ายต่างๆของรัฐบาลสหรัฐ ทำให้ฟิลิปปินส์, อินโดนีเซีย, มาเลเซีย, สิงคโปร์ และประเทศที่มีกลุ่มผู้นับถือศาสนาอิสลาม ได้รับความกระทบกระเทือนไปด้วย "อาจกล่าวได้ว่า ไทยเป็นสวรรค์ของกลุ่มก่อการร้าย เหตุที่เขาจะไม่ทำอะไรในประเทศไทย เพราะถ้าทำ เจ้าหน้าที่ของสหรัฐก็ต้องตามจับ สู้กบดานอยู่เงียบๆ ไม่ดีกว่าหรือ ถามว่าเรากลัวเขาหรือไม่ ตอบตรงๆ ก็คือ ไม่กลัว แต่ที่กลัวคือมือที่สามที่เข้ามาสร้างความชอบธรรมบางอย่างให้ตัวเอง" เป็นการวิเคราะห์ของเจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคง
ในขณะที่ข้อมูลจากหน่วยข่าวด้านข่าวกรองในระดับสากล ให้ข้อมูลว่า หลังจากรังซ่องสุมกำลังพลในเครือข่ายอัล-ไกดา แตก ทำให้เส้นทางการหลบหนีของคนเหล่านี้ แยกออกเป็น 2 ทาง ซีกหนึ่งแยกไปทางประเทศมุสลิม เช่น อิรัก อิหร่าน อีกซีกหนึ่งเข้ามาทางเอเชียใต้ แต่กระนั้นทางของกลุ่มคนเหล่านี้ก็ใช่ว่าจะปลอดภัย เพราะแม้แต่ประเทศมุสสิมอย่าง อิหร่านก็ยังต้องจับคนร้ายส่งให้กับซาอุดีอาระเบีย
เชื่อมเครือข่ายข่าวต้านเหตุร้าย
ชนวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่เพียงทำให้สถานการณ์โลกเปลี่ยนแปลงไปเท่านั้น แต่ยังมีผลให้มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างหน่วยข่าวทั่วโลกด้วย ชาติต่างๆ ขาดความมั่นใจทางด้านความปลอดภัย เพราะศักยภาพของเครือข่ายกลุ่มก่อการร้ายสามารถทะลุทะลวงได้ทุกแห่ง ไม่ว่า เคนยา หรือแทนซาเนีย ซึ่งมีปัญหาถูกกลุ่มก่อการร้ายโจมตี ทั้งๆที่ไม่เคยเกี่ยวข้องกับสหรัฐอเมริกาเลย อย่างไรก็ตาม สำหรับการตรวจสอบความเคลื่อนไหวของกลุ่มก่อการร้ายในไทยนั้น แหล่งข้อมูลด้านข่าวกรองในระดับสากล ยืนยันว่า หากเป็นกลุ่มคนร้ายที่เป็นมืออาชีพ การติดตามของเจ้าหน้าที่อาจจะไม่ทันท่วงที แต่จะใช้เวลาเพียง 2-3 วันเท่านั้นก็จะสามารถพิสูจน์ทราบได้ว่าอยู่ตรงไหน แม้โลกของศาสนาจะสอนให้มีความสันติในการอยู่รวมกันของหมู่มวลมนุษย์ แต่ในโลกของความเป็นจริงสันติสุข และสันติภาพสำหรับประเทศตะวันออกกลาง ยังไม่มีทีท่าจะเกิดขึ้นได้เลย ออสมา บิน ลาเดน กลายเป็นสัญลักษณ์ในการต่อสู้ของกลุ่มวัยรุ่นมุสลิมหัวรุนแรง ในขณะที่สหรัฐกับกลายเป็นศัตรูร่วมของมุสสิมทั่วโลก จนทำให้โลกทั้งใบต้องสั่นสะเทือนอยู่ ณ เวลานี้
ล้อมกรอบ "ไทยไม่พร้อมเป็นศัตรูกลุ่มก่อการร้าย"
พลิกโฉมอย่างสิ้นเชิงจากการติดตามความเคลื่อนไหวของกลุ่มผู้ก่อการร้ายในประเทศไทย ซึ่งแม้จะมีความเข้มข้นในการตรวจสอบคนเข้าออกมากขึ้นกว่าเดิม แต่นั่นก็แรงบีบบังคับที่ทำให้ไทยต้องยอม เพื่อไม่ให้รัฐบาลสหรัฐเข้ามาแทรกแซงกิจการภายในของเรามากนัก แต่ขณะเดียวกันหลังจากประเมินสถานการณ์การแล้ว ไทยเองก็ไม่ต้องการสร้างศัตรูเพิ่มขึ้น หน่วยงานข่าวด้านความมั่นคงทั้งตำรวจและทหาร ประเมินสถานการณ์ตรงกันว่า ผลพวกที่เกิดขึ้นครั้งนั้น สหรัฐได้สร้างปัญหาเกิดขึ้น 3 อย่าง คือ 1.รัฐบาลของทุกประเทศถูกกดดันทั้งๆ ที่ในทุกประเทศมีมุสลิมอาศัยอยู่จำนวนมาก 2.กลุ่มก่อการร้ายก็ถูกกดดันมากขึ้น และ 3.จากการกดดันข้างต้นทำให้การตอบโต้สหรัฐจากกลุ่มก่อการร้ายก็จะเปลี่ยนไปโดยไม่เลือกสถานที่ "เราตามดูห่างๆ ตราบใดที่เขายังไม่ทำอะไรผิด ก็ทำอะไรเขาไม่ได้ เพราะการจับนอกจากเป็นการเพิ่มศัตรูแล้ว ยังเป็นการขยายเครือข่ายให้เขาเข้มแข็งมากขึ้น สมมติเข้ามา 100 คน เราจับได้ 30 คน ถามว่าอีก 70 คนที่เหลือ เราพร้อมจะสู้กับเขาหรือไม่ เราจะตามเครือข่ายเขาได้แค่ไหน แต่ในเรื่องนโยบายการต่อต้านการก่อการร้ายสากล นโยบายนี้เราทำแน่นอน ขณะเดียวกัน เราก็ไม่จำเป็นต้องไปสร้างศัตรูเพิ่มไม่ใช่หรือ" แหล่งข่าวตั้งคำถามทิ้งท้าย
อ้างอิงข้อมูลการวิเคราะห์ : ฐานข้อมูลเพื่อการพัฒนาประเทศไทย กรุงเทพจุดประกาย 2550
ที่มาlearners.in.th/file/gumpanat/งานชิ้นที่%206%20%20นายกัมปนาท%20%20บุญ...
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น